ชมรมชาวกูยแห่งประเทศไทย

กูยเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ดั้งเดิมในอุษาคเนย์มาอย่างยาวนานนับพันปี มีเอกลักษณ์และอัตลักษณ์เป็นของตนเอง มีภาษา การแต่งกาย วัฒนธรรมประเพณี มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่ามากมาย มีการปกครองตามยุคสมัย จนมาถึงยุคล่าอาณานิคมของตะวันตกบริเวณแถบนี้ที่เคยอยู่อาศัยได้ถูกแบ่งเขตแดนเป็นรัฐประเทศ ทำให้ชาวกูยถูกแบ่งแยกไปอยู่ตามรัฐประเทศต่างๆที่มีเขตแดนติดต่อกัน ได้แก่ ไทย กัมพูชา ลาวและเวียดนาม ชาวกูยมักอาศัยอยู่เป็นชุมชน มีความเชื่อเรื่องผีบรรพบุรุษ เชื่อผู้นำ บางกลุ่มก็กระจัดกระจายอาศัยตามพื้นที่ป่าเขา ทำให้ขาดศูนย์รวมจิตใจจึงมีการเรียกชื่อตนเองและคนนอกเรียกชื่อที่แตกต่างกันไป เช่น กูย กวย โกย กูยซูย กูยเยอ กูยบรู โทร เขมรป่าดง เขมรโบราณ ขมุ ข่า และส่วย เป็นกลุ่มที่มีภาษาและวัฒนธรรมเดียวกันหรือคล้ายกันถูกจัดอยู่ในกลุ่มออสโตรเอเชียติก โดยเฉพาะการแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะและโดดเด่นบ่งบอกถึงการมีองค์ความรู้มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมในการทอผ้าไหม มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ถึงปลายน้ำ ต่อยอดมาถึงรุ่นปัจจุบันสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางด้านจิตใจและเศรษฐกิจชุมชน

การทอผ้าไหมของชาวกูยสามารถ แบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ได้ดังนี้
1. ประเภทผ้านุ่ง
ผ้านุ่งสตรี มักนิยมทอหมี่คั่นเป็นทางแนวดิ่งใช้ไหมควบ ยืนพื้นสีน้ำตาลอมดำ มีหัวซิ่น ที่ยีนพื้นสีแดง ลายขิด ตีนซิ่นพื้นดำขนาด 2-3 นิ้ว มีริ้วสีขาวเหลืองแดง ผ้านุ่งแบ่งออกเป็น 4 ชนิด คือ ผ้าจิกกะน้อย เป็นผ้าที่มีลักษณะคล้ายผ้าหางกระรอกหรือผ้ากะเนียว มีสีเดียวลักษณะจะออกเหลือบมัน เป็นผ้าสำหรับผู้บุรุษนุ่งในพิธีการสำคัญต่าง ๆ ลักษณะการนุ่งจะนุ่งพับจับจีบด้านหน้า เหมือนการนุ่งโจงกระเบน นอกจากนี้ยังนำไปใช้ในการคลุมศพ ผ้าโสร่ง เป็นผ้าตารางสี่เหลี่ยมใหญ่ มีหลายสีในการทอผ้าจะนำเส้นไหมมา “กวี” หรือมาควบกัน 2 เส้นเพื่อให้เกิดความมันและหนาลักษณะการทอเหมือนกับผ้าโสร่งทั่วไป ผ้าจะวี เป็นผ้าที่มีลักษณะลายทางยาวเป็นร่องเล็กๆเป็นผ้าที่ผู้หญิงนำมาไหว้ ฝ่ายชายเพื่อไหว้ปู่ ย่า ผู้ที่เป็นสะใภ้จะต้องทออึมเปิล (หัวซิ่น)และเจิง(ตีนซิ่น) มอบให้โดยไม่ต้องเย็บกับจะกวีหรือผ้าถุง ในพิธีแต่งงานของชาวกูยจะต้องให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวถือ “เคียวเกี่ยวข้าว” อันเดียวกัน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ ความเกี่ยวพันและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
ผ้าจิกโฮล เป็นประเภทผ้ามัดหมี่ ลายต่างๆ จะเรียกว่า “จิกโฮล” การนุ่งผ้าประเภทนี้จะต้องต่อเจิง (ตีนซิ่น) และอึมเปิล (หัวซิ่น) เซ่นเดียวกับ จะวี
2. ประเภทผ้าสไบ
ผ้าสไบที่ใช้พาดบ่าหรือเป็นผ้าเบี่ยงของชาวกูยจะทอเป็นผ้ายกดอกหรือยกเขา เรียกว่า “ตะกอ” ผ้าสไบที่มีลักษณะการทอเช่นนี้เรียกว่า “ผ้าแก็บ” จะทอแล้วนำมาตัดเป็นตัวเสื้อและผ้าสไบ ตัวเสื้อนิยมเป็นสีดำ โดยนำผ้าไหมที่ทอเป็นสีขาวหรือเหลืองตามลักษณะของไหม แล้วไปย้อมมะเกลือให้เป็นสีดำประมาณ 21 แดด ผู้ชายจะใช้ผ้าขาว 2 ผืน เป็นผ้าเบี่ยงในการแต่งกายออกงานพิธี ผู้หญิงใช้ผ้าไหมยกดอกสีดำหรือสีขาวเป็นผ้าเบี่ยง เรียกว่า “สไบแวง” (สไบดำ) หรือ“สไบบัวะ” (สไบขาว) นอกจากนี้ยังมีผ้าสไบโพกหัว เรียกว่า “สไบเจียดตรุย” ทอด้วยฟืมสั้นขนาด 12 ล็อบ เก็บลายขิด 4-5 ลาย จัดระยะสวยและเป็นระบบ มีชายครุยทั้งสองข้างห้อยลูกปัดเล็กๆ เรียกว่า ปอนจุ๊ ใช้โพกศรีษะทั้งชายหญิง เวลาออกงาน เช่น การแห่บั้งไฟ งานบวชนาค
3. ประเภทหัวซิ่นและตีนซิ่น
เรียกว่า อึมเปิล จะทอเป็นลายขิด คล้ายของชาวไทยลาวซึ่งใช้สำหรับต่อเป็นหัวซิ่น เวลานุ่งจะทิ้งชายลงมาให้ห้อยเป็นพกไว้ใส่เงิน หรือสิ่งของอย่างอื่นที่จำเป็น ผ้าคาดเอวของผู้ชาย จะทอเหมือนหัวซิ่นแต่มีความกว้างมากกว่า เช่น หัวซิ่นขนาดพื้น 4-5 ล็อบแต่ผ้าคาดเอาใช้ขนาดฟืม 7-8 ล็อบ โดยยืนพื้นสีแดงเช่นกัน เก็บลาย (แกะเลีย) เป็นขิดเป็นระยะๆ วิธีใช้จะทำผ้าซับในก่อน แล้วนำว่านหรือหรือเครื่องรางของขลังที่ถือว่าเป็นของดีสำหรับป้องกันอันตรายต่าง ๆ มาห่อด้วยผ้าผืนนี้แล้วใช้เขาวง (กวางหรือเก้ง) หรือเถาวง (เถาวัลย์ของพืชบางชนิด)มามัดเป็นเปลาะ ห่างกันเป็นระยะไว้คาดเอาเวลาจะออกไปจับช้างในป่า ซึ่งผู้ชายกูยถือว่าการมัดเป็นเปลาะโดยเขาวงหรือเถาวงนั้นมีความหมายมาก เพราะเชื่อว่าสิ่งที่เป็นวงกลมนั้นแทนความวงเวียน เมื่อเห็นช้างและช้างเห็นตนแล้ว ก็จะวนกลับมาหาตนใหม่ ของดีที่ใช้ป้องกันตัวนั้นคนไทยเขมรจะใช้คล้องคอแต่ชาวกูยจะใช้คาดเอว ผ้าคาดเอวจะแขวนไว้ที่สูงห้ามสตรีจับต้องการทำผ้าคาดเอวจากผ้าขิดหัวซิ่นของผู้หญิงนั้น ก็เพื่อเป็นสิ่งแทนตัวในยามห่างไกลจากบ้าน คำว่าหัวซิ่นก็เป็นของสูงและดี ฝ่ายชายจึงใช้ห่อเครื่องลางของขลัง
ประเภทตีนซิ่น มี 2 ชนิด คือ เจิง หรือ ยืง เป็นตีนซิ่นที่มีความกว้างประมาณ 2 นิ้ว นิยมสีดำ โดยทอเป็นผ้าฝ้าย ริมขอบล่างสุดใช้ไหมสีเหลือง แดง การนำเส้นไหมมาทอเป็นริมของซิ่นอาจเป็นเพราะไหมทนและเหนียวกว่า ส่วนการใช้ผ้าฝ้ายทอเป็นเชิงนั้นก็เพื่อให้ผ้าซิ่นมีน้ำหนัก และ กระบูล เป็นตีนซิ่น ที่มีลายเป็นผ้ามัดหมี่ เพราะชาวกูยจะเรียกผ้าที่มีลวดลายทั้งหลายว่า ผ้าโฮล หรือ จิกโฮล
