ไอดอลชนเผ่าพื้นเมือง กับ ความรับผิดชอบบนพื้นที่โลกออนไลน์

กาลเวลาผันแปร แลดูโลกจะหมุนเร็วขึ้นทุกทีนะครับ คิดเหมือนกันไหมครับคุณผู้อ่าน กระทั่งบางครั้งบางเครา หลาย ๆ คน ก็รู้สึกว่าอาจจะปรับตัวไม่ทันกระแส ในยุคสมัยที่การสื่อสารบนพื้นที่ออนไลน์ ได้กระจายอำนาจการอธิบายของตัวเอง แก่ ทุก ๆ คน เพียงแค่มีมือถือ ก็สามารถทำอะไร ได้ หลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะพื้นที่สำหรับการนำเสนอตัวตน ที่สามารถเปลี่ยนคนธรรมดา ให้เป็นคนดัง บุคคลสาธารณะ ที่มีชื่อเสียง มีฐานแฟนคลับ มีผู้ติดตาม ด้วยอุปกรณ์อย่างมือถือหรือสมาร์ทโฟน

ย้อนเวลากลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน  ยุคสมัยที่สื่อโทรทัศน์ ค่อนข้างจะผูกขาดอำนาจการสื่อสาร  ยุคที่ผู้คนรับสารจากโทรทัศน์เป็นหลัก รายการและข่าวต่าง ๆ มีบทบาทและอิทธิพลมากเสียทีเดียวต่อสังคมไทย ถ้าจะให้คุณผู้อ่านเข้าใจภาพได้อย่างง่าย ๆ ก็คือยุคที่เหล่า ดารา นักแสดง ศิลปิน ต้องง้องอนนักข่าว ให้นักข่าวเอ็นดู เพราะจะรุ่ง เป็นดาวเจริดฟ้า หรือจะร่วง เป็นดาวดับหมดอนาคต นั้น นักข่าวคงมีอิทธิพลพอสมควร ต่ออนาคตของอาชีพที่ต้องใช้พื้นที่สื่อโทรทัศน์ครับ เพราะสื่อยุคนี้สามารถชี้นำ โฆษณาชวนเชื่อ ปลูกฝังค่านิยมในสังคมไทยได้มากเลยทีเดียว

และในยุคสื่อโทรทัศน์นี้เอง ชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทย ต้องประสบกับช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก ๆ ในการนำเสนอตัวตนและอัตลักษณ์ของตัวเอง อย่าว่าแต่จะได้นำเสนอเรื่องราววิถีวัฒนธรรมของตัวเองเพื่อให้คนอื่นได้รับรู้ ได้รู้จักเลยครับ แค่จะอธิบายข้อเท็จจริงเพื่อโต้แย้งกลับ ในอคติทางชาติพันธุ์ที่ถูกปลูกฝังบอกเล่าผิด ๆ ในสังคมไทย ก็แทบจะไม่มีโอกาสเลยด้วยซ้ำ เนื้อหาในหนังสือบทเรียน ที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน ซึ่งได้ระบุว่ากลุ่มชาติพันธุ์ทำไร่เลื่อนลอย ทำลายป่า สะท้อนภาพสำคัญอย่างหนึ่งว่า ยุคสมัยหนึ่งนั้น ชนเผ่าพื้นเมืองแทบจะไม่มีสิทธิไม่มีเสียงที่จะอธิบาย โต้แย้งอะไรเลย ใครกล่าวหาอย่างไร ก็ต้องจำใจรับข้อกล่าวหานั้น โดยไม่มีพื้นที่หรืออำนาจในการได้อธิบายข้อเท็จจริงกลับไป

ภาพฉากอดีตที่สะท้อนความลำบากลำบนยากเข็ญในต่อสู้เพื่อให้มีพื้นที่สื่อสาร อย่างเช่นรายการ คนค้นฅน ตอน “พฤ โอ่โดเชา ผมเดินเพื่อชีวิต” ที่ออกอากาศเมื่อ 18 ปีที่แล้ว ได้เล่าเรื่องราวการเดินเท้า จาก อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ถึงกรุงเทพมหานครในขณะนั้น เป็นการเรียกร้องให้รัฐสภาผ่านร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชน กฎหมายที่ให้สิทธิประชาชนมีส่วนร่วมในการดูแลและจัดการทรัพยากรร่วมกับภาครัฐ ใช้ระยะเวลาเดินเท้า 49 วัน , ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ ที่ใครสักคนจะตัดสินใจจากบ้าน จากครอบครอบครัวอันเป็นที่รัก เดินทางยาวไกลแสนไกล  รอนแรมตามลำพังในสถานที่ที่ไม่เคยคุ้นเคย คุณพฤ ต้องพยายามอย่างมากมหาศาล เพื่อให้ผู้คนได้ยินเสียงเล็ก ๆ ของชนเผ่าพื้นเมืองได้บ้าง หากปัจจุบัน แค่คุณ พฤ อาจจะ Live สดผ่าน Facebook หรือเขียนเป็นบทความก็สามารถสื่อสารเรื่องราวต่าง ๆ ได้เป็นวงกว้างแล้ว

คุณพฤ นั้น ไม่นิยมความรุนแรง สิ่งใดที่เป็นความรุนแรงย่อมไม่ใช่ทางที่เขาเลือก เฉกเช่นชนเผ่าพื้นเมือง-กลุ่มชาติพันธุ์อย่างเรา ๆ  ความเข้าใจของผู้คนคือสิ่งที่คุณพฤต้องการมากที่สุด คุณพฤ เชื่อว่า ถ้าผู้คนรู้จักตัวตนของเขา ผู้คนก็จะเข้าใจเขา ไม่ใช่แค่คุณพฤ นะครับ ยังมีพี่น้องชนเผ่าพื้นเมืองมากมายอีกหลาย ๆ คน รวมไปถึงคนจากในเมือง จากกรุงเทพฯ ก็มี ทั้งนักวิชาการ ผู้สื่อข่าว นักสิทธิมนุษยชน นักเขียน และอีกหลาย ๆ บทบาทอาชีพ ที่ต่อสู้ด้วยหัวจิตหัวใจเพื่อเสียงของกลุ่มชนเผ่าพื้นเมือง ในยุคสมัยที่แทบจะไม่ค่อยมีพื้นที่สำหรับการอธิบายตัวตนของชนเผ่าพื้นเมืองมากเท่าใดนัก

ตัดภาพฉากมาในยุคสมัยตอนนี้ ชนเผ่าพื้นเมืองก็ยังคงต้องต่อสู้เพื่อสิทธิและเสียงของพวกเขาต่อไป แต่มีเครื่องมือเทคโนโลยีใหม่ ที่วิวัฒพัฒนาตามกาลเวลา ที่ทำให้ชนเผ่าพื้นเมือง ได้มีพื้นที่สื่อ พื้นที่อำนาจการอธิบายของตัวเองได้มากขึ้น จากในอดีตเมื่ออยากให้คนได้ยินเสียง ได้รู้จัก ก็ต้องเดินทางลงมาบอก ลงมาเล่า มาอธิบาย แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว เสมือนว่า เสียงที่เบาบาง จะสามารถขจรกังวาลออกไปได้ไกลมากขึ้น อยู่ที่เราจะคว้าเครื่องมือออนไลน์อันนี้มาใช้หรือไม่ และจะใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์และสร้างสรรค์

และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เยาวชนชนเผ่าพื้นเมืองกลุ่มชาติพันธุ์คนรุ่นใหม่ มีส่วนสำคัญอย่างมากในการได้สร้างภาพจำใหม่ ในวิถีอัตลักษณ์ท้องถิ่นของชนเผ่าพื้นเมือง เราได้รับรู้ได้เห็นผ่านทางสื่อและคลิปบนโลกออนไลน์ ทั้งในฐานะ ไอดอล อินฟูลฯ ยูทูปเบอร์ หรืออื่น ๆ ที่ถือว่าเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงบนโลกออนไลน์ นี่เป็นพื้นที่การอธิบายตัวตนอีกรูปแบบ ที่ไม่ควรมองข้าม พอ ๆ กับ การต่อสู้ที่เคลื่อนไหวผ่านวิถีการเมือง การต่อสู้ผลักดันกฏหมายที่สำคัญต่อชนเผ่าพื้นเมือง การต่อสู้ด้วยงานเขียน บทความ งานวิชาการ ใด ๆ ก็ตาม การสู้ด้วยสื่อในยุคนี้ค่อนข้างทำได้ไม่ยากเกินไป และมีพลังมาก มากพอที่จะสร้างความเข้าใจให้กับผู้คนในวงกว้าง

กระนั้นก็ตาม แม้จะเป็นเครื่องมือที่มีพลังงานอำนาจการสื่อสารมหาศาล แต่ก็มีอำนาจการทำลาย พลังด้านลบอย่างน่ากลัวเช่นกัน ที่ ชนเผ่าพื้นเมืองคนรุ่นใหม่ควรก้าวเดินอย่างพึ่งระมัดระวัง เมื่ออยู่ในเส้นทางวิถีนี้ ที่เลือกจะทำคอนเทนต์นำเสนอวิถีชีวิตอัตลักษณ์ชาติตัวเอง ทั้งต้องแบกรับการคาดหวังจากคนชาติพันธุ์ของตัวเอง กระแสตอบรับจากผู้ชมที่เป็นด้านลบ ต้องพยายามอธิบายเพื่อสร้างความเข้าใจให้กับผู้คน สิ่งสำคัญต้องมีความมั่นคงทางอุดมคติที่จะบอกเล่าความเป็นตัวตนที่แท้จริง ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งรบเร้า อุปสรรคต่าง ๆ ดั่งคนรุ่นเก่า ที่ไม่ได้มีเครื่องมือออนไลน์ที่กระจายการสื่อสารมุมมอง ความคิด เรื่องราวต่าง ๆ ได้ดีเท่าสมัยนี้ แต่พวกเขาก็แน่วแน่ในหนทางของตัวเอง เผยแพร่วิถีธรรมชาติของชาติพันธุ์จากหัวใจ ที่ควรค่าให้คนรุ่นใหม่เอาเป็นแบบอย่าง

ชนเผ่าพื้นเมืองรุ่นใหม่ ในยุคสมัยใหม่ที่ต้องมาบรรจบระหว่าง อัตลักษณ์วิถีดั้งเดิมของตัวเอง กับ กระแสโลกใหม่ เป็นสิ่งท้าทายที่จะต้องผสานทั้งสองอย่างลงตัว บางทีพวกเขาอาจจะไม่ได้รู้ตัวเองเลยด้วยซ้ำ จึงอย่าได้ขายจิตวิณญาณเพื่อยอดตัวเลขในแพทฟอร์มต่าง ๆ หลงลืมแก่นแท้ชนเผ่าพื้นเมือง  จงนำเสนอตัวตนที่แท้จริง เรียนรู้วิถีธรรมชาติท้องถิ่นของตัวเองอย่างถ่องแท้ เพื่อจะได้สื่อสารเรื่องราวของชนเผ่าพื้นเมืองได้อย่างถูกต้อง ในขณะที่ไอดอลชนเผ่าพื้นเมือง มีฐานผู้ติดตาม ก็เหมือนพลังอำนาจในรูปแบบสื่ออยู่ในมือ เป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่มีพื้นที่ มีอำนาจการอธิบาย จึงมาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่งเช่นกัน ว่าสิ่งที่กำลังทำ ไม่ใช่เพียงแค่เป็นบุคคลมีชื่องเสียงบนโลกออนไลน์ แต่กำลังสร้างพลังอำนาจการอธิบาย เสมือนตัวแทนภาพจำใหม่ ที่สังคมจะมองมายังชนเผ่าพื้นเมือง และทิศทางในการเข้าใจชนเผ่าพื้นเมือง

เขียนโดย: จอกิบู  คนกะเหรี่ยง