นายกย้ำ จนท.รัฐ “การให้การดูแลพี่น้องชาติพันธุ์ต้องเสมอภาคและเท่าเทียม”

เมื่อช่วงสายของวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีนายเศรษฐา ทวีสิน พร้อมกับ สส. ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ได้ลงพื้นที่พบปะผู้นำและพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ และชนเผ่าพื้นเมือง ที่บ้านโป่งป่าแขม ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย

โดยภายในงานได้มีการแสดงทางวัฒนธรรมของชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองเพื่อเป็นการต้อนรับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ และผู้นำชุมชนได้มอบชุดประจำชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยน ให้แก่ นายกรัฐมนตรี

หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้พบปะกับพี่น้องชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองที่มารอต้อนรับอาทิเช่น ชนเผ่าลีซู อ่าข่า อิ้วเมี่ยน และลาหู่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เข้าไปเยี่ยมชมบ้านของนายเฉ่งลิ่น แซ่เติ๋น พร้อมกับนั่งล้อมวงดื่มชาที่กลางบ้านซึ่งเป็นวัฒนธรรมต้อนรับของชนเผ่าอิ้วเมี่ยน

ซึ่งหลักจากการเยี่ยมบ้านแล้วนายเศรษฐา ทวีสิน ได้เข้าร่วมรับฟังเวทีสะท้อนปัญหาปัญหาของพี่น้องชาติพันธุ์พร้อมกับกำชับเจ้าหน้าที่รัฐให้ปฏิบัติกับชาติพันธุ์ให้เท่าเทียมกับประชาชนคนไทยทุกคน

“เป็นครั้งแรกที่ได้มาเยี่ยมเยือนพี่น้องชาติพันธุ์และได้มีการต้อนรับผมให้เข้าไปเยี่ยมถึงในบ้านถือว่าเป็นเกียรติอันสูงสุด ผมขออนุญาตเรียนถึงปัญหาหลักเรื่องความไม่เสมอภาคและเท่าเทียมที่พี่น้องชาติพันธุ์ถูกดูแลอย่างไม่ทั่วถึงมาโดยตลอด แต่ว่าภายใต้การผลักดันของ สส.โอมซึ่งพวกเราทราบดีอยู่แล้วว่า สส.โอมได้มีส่วนผลักดัน พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง

เรื่องของสิทธิขั้นพื้นฐาน มีบางคนที่มีบางคนที่มีลูกหลานเกิดอยู่ในเมืองไทยกว่า 40 ปีแล้วก็ยังไม่รับการมอบสัญชาติให้ การมอบสัญชาติเองก็เป็นที่มาที่ไปของการได้รับการดูแลที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐาน ด้านสาธารณะสุข ด้านการศึกษา รัฐบาลก็จะให้คำสัญญาว่าเรื่องการพิสูจน์สัญชาติก็จะทำให้จบภายใน 5 วันไม่ใช่ 180 วัน และนี่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

เรื่อง พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง ก็เกือบจะเสร็จแล้วและขอเวลาอีกนิดซึ่งจะทำให้เสร็จภายในเดือนกรกฎาคมนี้ก็น่าจะเป็นไปได้ด้วยดี

ก็เป็นที่น่าเศร้าใจที่พี่น้องชาติพันธุ์ที่ได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่รัฐก็อาจจะไม่ได้เป็นที่พอใจหรือเสมอภาค เท่าเทียม ที่นั่งอยู่ตรงนี้เรามีเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงอยู่หลายหน่วยงานและหลายฝ่ายรวมไปถึง สส.ทั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขต ผมก็ขอพูดเลยแล้วกันว่าการดูแลพี่น้องชาติพันธุ์ต้องดูแลแบบเสมอภาค เท่าเทียมและเป็นธรรม ไม่มีการแบ่งแยก รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงหรือฝ่ายงสาธารณะสุขเองก็ตาม

การรักษาพยาบาลหรือว่าโรงพยาบาลไม่เพียงพอเราเจอทุกๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคใต้หรือภาคอีสานเองก็ตาม เราก็พยายามจัดสรรงบประมาณดูแลเรื่องนี้ได้อย่างทั่วถึง

เรื่องของไฟฟ้าบางพื้นที่ก็มั่นใจได้เลยว่าเราจะจัดการให้นี่ถือว่าเป็นปัจจัยขั้นพื้นฐานที่พวกเราทุกคนพึงจะได้รับ เรื่องการบริหารจัดการเรื่องน้ำก็สำคัญซึ่งเมื่อสักครู่ได้รับรายงานว่าเรื่องของการเกษตรเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้ดำรงชีวิตอยู่ได้ ซึ่งถ้าไม่มีการบริหารจัดการเรื่องน้ำก็ไม่สามารถทำการเกษตรที่เหมาะสมได้ วันนี้ก็มีหน่วยงานราชการมาเยอะก็ขอฝากให้ดูแลพี่น้องชาวชาติพันธุ์ให้มีความเสมอภาคและเท่าเทียบเท่ากับพี่น้องคนไทยทุกคน”

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีกล่าวกล่าวก่อนที่จะเดินทางไปปฏิบัติภาระกิจต่อ