จับตา 12 พ.ย. ร่าง พ.ร.ฎ.ป่าอนุรักษ์เข้าครม. กฎหมายเปลี่ยนคนอยู่กับป่าให้กลายเป็นผู้บุกรุก

วันนี้ (11 พ.ย.2024) ภาคีเครือข่ายขบวนการประชาชนหยุดพระราชกฤษฎีกา ‘ป่าอนุรักษ์’ ที่ประกอบไปด้วย 47 กลุ่มภาคประชาชน รวมตัวกันที่ลานครูบาศรีวิชัยในเวลา 8.30 น. ก่อนที่จะเดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อร่วมกันคัดค้านการผลักดันเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 และร่างพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 รวม 2 ฉบับซึ่งกำลังจะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน 2567

ขบวนการประชาชนหยุดพระราชกฤษฎีกา ‘ป่าอนุรักษ์’ ได้แถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาล ที่นำโดยแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ยุติการผลักดันร่างพระราชกฤษฎีกาป่าอนุรักษ์เข้า ครม. โดยทันทีมีใจความในแถลงการณ์ที่กล่าวว่า

“เนื้อหาในร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ทั้ง 2 ฉบับนั้นเต็มไปด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชน เปลี่ยนประชาชนผู้บุกเบิกให้กลายเป็นผู้บุกรุก สอดแทรกแนวทางการยึดที่ดินของประชาชนด้วยเงื่อนไขการอยู่อาศัยนั้นทำให้สภาพความเป็นอยู่ของประชาชนในป่าอนุรักษ์ไม่ต่างจากคุก นี่คือภาพสะท้อนว่าหน่วยงานอนุรักษ์ไทยยังคงคิดแต่จะรวบอำนาจการจัดการทรัพยากร และผลักคนออกจากป่าไม่ต่างจากในอดีตที่ผ่านมาแม้แต่น้อย” 

เมื่อตรวจสอบดูรายละเอียดของร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ดังกล่าวพบข้อกังวลในการให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จัดทำรายชื่อบุคคลที่อยู่อาศัยหรือทำกินในอุทยานแห่งชาติ พร้อมด้วยจำนวนที่ดินและแผนผังแปลงที่ดินไว้เป็นหลักฐาน โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้ครอบครัวหนึ่งมีสิทธิในการใช้ที่ดินไม่เกินครอบครัวละ ๒๐ ไร่ โดยมิได้มีสิทธิในการครอบครองที่ดินนั้น และมีระยะเวลาการบังคับใช้คราวละไม่เกินยี่สิบปี

เมื่อเดินทางมาถึงศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงสาย  ทางภาคีเครือข่ายขบวนการประชาชนหยุดพระราชกฤษฎีกา ‘ป่าอนุรักษ์’ ได้ยื่นจดหมายให้กับทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีข้อเรียกร้องให้ทำเรื่องขอคัดค้านพระราชกฤษฎีกา ส่งไปยังนายกรัฐมนตรีโดยด่วนที่สุด

“วันนี้ผมมารับหนังสือที่อยากให้ชะลอและไม่เห็นด้วยต่อพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว” ทศพลกล่าวท่ามกลางประชาชนที่มารวมตัวหน้าศาลากลางจังหวัด “จะมีการร่างหนังสือส่งให้ส่วนราชการที่รับผิดชอบโดยทันที โดยผมจะรับหน้าที่เสนอเสียงของพวกท่านไปให้ผู้มีอำนาจได้รับทราบภายในวันนี้”

นอกจากนี้ประหยัด  จตุพรพิทักษ์กุล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) จังหวัดเชียงใหม่ ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่มารับจดหมายของภาคีเครือข่าย และได้กล่าวว่าหากคณะรัฐมนตรียังคงยืนยันที่จะผลักดันร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับเข้า ครม. เขาจะใช้บทบาทหน้าที่ในการเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในการตั้งกระทู้ถามรัฐบาลต่อไป เพื่อทบทวนเรื่องนี้โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน

โดยในตอนท้ายของการชุมนุม ทางภาคีเครือข่ายขบวนการประชาชนหยุดพระราชกฤษฎีกา ‘ป่าอนุรักษ์’ ได้รับสำเนาจดหมายที่ออกโดยทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่  เรื่องขอคัดค้านการออกพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 และร่างพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ถึงปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

ใจความหลักของจดหมายฉบับดังกล่าวได้ส่งเรื่องด่วนให้กับนายกรัฐมนตรี, รองนายกรัฐมนตรี (ประเสริฐ จันทรรวงทอง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถึงร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับที่กำลังจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ให้ได้พิจารณาถึงข้อเรียกร้องของภาคีเครือข่ายขบวนการประชาชนหยุดพระราชกฤษฎีกา ‘ป่าอนุรักษ์’ ที่ได้มายื่นจดหมายทั้ง 9 ฉบับ

จึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดในวันพรุ่งนี้ (12 พ.ย.) ว่าคณะรัฐมนตรีจะมีท่าทีอย่างไรต่อข้อเรียกร้องของภาคประชาชนต่อความกังวลว่าพระราชกฤษฎีกาฯ ทั้ง 2 ฉบับนี้ ที่มองว่าคือการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อกลุ่มคนดั้งเดิมที่อาศัยอยู่กับป่ามาอย่างเนิ่นนาน ภายใต้แนวคิดทวงคืนผืนป่าของรัฐที่เป็นมรดกตกทอดมาจากยุครัฐบาลคสช. จนมาถึงปัจจุบันที่แนวคิดป่าปลอดคนของรัฐยังคงหลงเหลืออยู่ แม้ว่าในระดับนานาชาตินั้นจะมีการยอมรับแล้วว่าชนเผ่าพื้นเมืองที่อยู่อาศัยกับป่านั้น คือคนกลุ่มสำคัญในการปกป้องและรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ