28 พ.ย 67 – สมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่าส่งสัญญาณที่ศาลากลางเชียงใหม่ ว่าจะมีชาวบ้านกว่า 5,000 คน เตรียมยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร และคณะรัฐมนตรี ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 29 พ.ย. 67 นี้ เพื่อคัดค้านพระราชกฤษฎีกาที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และการดูแลทรัพยากรธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยชี้ว่ากฎหมายดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างหนักต่อวิถีชีวิตของชุมชนดั้งเดิมที่อาศัยในพื้นที่สูงมานานกว่า 300 ปี

นางสาววิไลลักษณ์ เยอเบาะ กองเลขาฯ สมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า (สชป.) กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ชาวบ้านจะเดินทางไปยื่นหนังสือที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี มารับหนังสือในช่วงเช้าเวลา 8:30 น. พร้อมระบุว่าการพบกันในครั้งนี้ไม่ใช่แค่การพูดคุยกันทั่วไป แต่ต้องการเห็นข้อสรุปและข้อตกลงที่ชัดเจนเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาตามข้อเสนอที่ได้ยื่นไป 4 ข้อ สมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า ได้เรียกร้องให้รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีพิจารณาข้อเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้พระราชกฤษฎีกาที่อาจส่งผลกระทบต่อสิทธิของชุมชน และขอให้มีการระงับการใช้อำนาจในบางพื้นที่ที่ยังไม่มีการปรับแก้กฎหมายอย่างครบถ้วน ทั้งนี้ข้อเสนอที่ยื่นไปมีดังนี้
ทางสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า (สชป.) ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และคณะรัฐมนตรี เดินทางมารับข้อเรียกร้องของประชาชน และประชุมหาข้อยุติในการแก้ไขปัญหาใน 4 ประเด็น ประกอบด้วย
1. ยุติการนำ พ.ร.ฎ.โครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติ ในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 64 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และ พ.ร.ฎ.โครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามมาตรา 121 แห่งพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ไปประกาศใช้กับพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทั่วประเทศ จนกว่าจะมีการปรับแก้กฎหมาย
2.รัฐบาลจะต้องจัดตั้งกลไกในรูปแบบที่เป็นคณะกรรมการหรือคณะทำงานจัดเวทีเปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 เป็นรายอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ทุกๆ พื้นที่ี เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่สามารถนำไปปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับ ภายในระยะเวลา 60 วัน
3.รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีจะต้องเร่งเสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ทั้งนี้ให้นำเสนอร่างสู่การพิจารณาของ คณะรัฐมนตรี ภายใน 90 วัน ก่อนเสนอเข้าสภาฯ
4.ในระหว่างที่มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายทั้งสองฉบับ จะต้องชะลอยับยั้งการเตรียมประกาศพื้นที่อุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 23 แห่ง จนกว่าจะมีการแก้ไขกฎหมายทั้งสองฉบับแล้วเสร็จ เว้นแต่ในกรณีที่พื้นที่เตรียมการฯ นั้นดำเนินการกันขอบเขตชุมชน พื้นที่ทำกิน และพื้นที่ป่าชุมชนแล้วเสร็จ และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย

ทั้งนี้ผู้แทนรัฐบาลจะต้องนำข้อเสนอและผลการประชุมในครั้งนี้ เสนอต่อการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2567 จ.เชียงใหม่ ที่จัดขึ้นในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 และให้คณะรัฐมนตรีรับทราบและเห็นชอบข้อเสนอดังกล่าว เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่อยู่ในเขตป่าอนุรักษ์มากกว่า 4,000 ชุมชน 462,444 ครัวเรือน 1,849,792 คน ซึ่งจะนำไปสู่การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนต่อไป

นายสมศักดิ์ เสกสรรวรกุล ตัวแทนจากบ้านขุนกลาง ดอยอินทนนท์ ได้เปิดเผยถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ฎ.) ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการที่ดินในอุทยานแห่งชาติ ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งในอนาคต โดยเฉพาะในด้านสิทธิในการครอบครองที่ดินของประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เป็นเวลานาน
นายสมศักดิ์กล่าวว่า พ.ร.ฎ. ฉบับนี้มีหลายมาตราที่อาจส่งผลกระทบต่อสิทธิของประชาชน เช่น มาตรา 5 ที่จำกัดสิทธิของผู้ที่อาศัยในพื้นที่มานานให้เพียงแค่เข้าร่วมโครงการชั่วคราว ซึ่งไม่สามารถสร้างความมั่นคงในระยะยาวให้กับพวกเขา ขณะที่มาตรา 7 กำหนดให้โครงการที่จัดตั้งขึ้นในพื้นที่นั้นเป็นแบบชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถตอบโจทย์ความยั่งยืนของชุมชนได้
มาตรา 9 ที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจที่ดินตาม พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และมติ 30 มิถุนายน 2541 ของรัฐบาล คสช. ยังก่อให้เกิดความขัดแย้ง เนื่องจากมีการจำกัดสิทธิในการครอบครองที่ดิน 20 ไร่ ในขณะที่คำสั่งเดิมไม่จำกัดสิทธิในลักษณะนี้ ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม ขณะเดียวกัน มาตรา 10 ที่จำกัดสิทธิครอบครองที่ดินของครอบครัวไม่เกิน 20 ไร่ อาจไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของครอบครัวชนเผ่าพื้นเมืองบางกลุ่มที่มีสมาชิกจำนวนมาก
นายสมศักดิ์ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่ามาตราการควบคุมที่ดินบางมาตราอาจมีผลกระทบหนัก แต่ก็ยังมีประเด็นอื่นๆ ที่ต้องได้รับการแก้ไข เช่น การห้ามลูกหลานของผู้ที่เสียชีวิตไม่ให้สืบทอดที่ดิน ซึ่งอาจนำไปสู่ข้อพิพาทและปัญหากฎหมายในอนาคต ในวันพรุ่งนี้ (วันที่ 29 พฤศจิกายน 2024) จะเสนอให้รัฐบาลยุติการใช้ พ.ร.ฎ. เกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในอุทยาน โดยเฉพาะมาตรา 44 และ 121 และเรียกร้องให้รัฐบาลจัดตั้งคณะกรรมการที่มีตัวแทนจากประชาชนเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างจริงจัง โดยไม่ใช้ช่องทางออนไลน์เพียงอย่างเดียว เนื่องจากไม่มีโอกาสให้ประชาชนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด
นายสมศักดิ์ยังได้ฝากถึงคณะรัฐมนตรีว่า ควรให้ความสำคัญกับข้อมูลจากประชาชนในพื้นที่จริง ซึ่งอาศัยอยู่ในดอยอินทนนท์และพื้นที่อื่น ๆ มายาวนานหลายร้อยปี พื้นที่เหล่านี้ไม่ได้เป็นเขตป่ารัฐบาลแต่เป็นพื้นที่ที่ชุมชนได้อาศัยและดูแลกันมาอย่างยาวนาน การพัฒนาและการบริหารจัดการพื้นที่ควรทำร่วมกับทุกภาคส่วน ไม่ใช่เฉพาะเพียงแค่กรมอุทยานฯ เท่านั้น เพราะการให้สิทธิและอำนาจทั้งหมดอยู่ในมือของอุทยานอาจทำให้เกิดความขัดแย้งและปัญหาการแย่งชิงที่ดินระหว่างรัฐและประชาชนได้