บ้านลเวือะหลังสุดท้าย ในเขาโมซัมเบรียง

หมู่บ้านละอูบ ตำบลห้วยห้อม อำเภอแม่ลาน้อย แม่ฮ่องสอน ภาพ: Aafu

ในภาษาลเวือะนั้น ‘โม’ มีความหมายว่า ภูเขา ส่วน ‘ซัมเบรียง’ * คือต้นไม้พื้นถิ่นชนิดหนึ่งที่มีผลชื่อว่า ซัมเบรียง รวมความหมายของโมซัมเบรียง จึงแปลได้ว่า “ภูเขาที่เต็มไปด้วยต้นซัมเบรียง” … ภูเขาแห่งนี้ตั้งอยู่ที่บ้านละอูบ ต.ห้วยห้อม อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชนเผ่าพื้นเมืองลเวือะ

โมซัมเบรียงเป็นชื่อเดิม และชื่อที่ไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำของผู้พักอาศัยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน ขณะที่ “ละอูบ” คือชื่อใหม่ ซึ่งสันนิษฐานว่า มาจากตำนานเรื่องเล่า เมื่อครั้งบริวารของเจ้าเมืองชาวลเวือะ(บ้างก็ว่าเป็นเจ้านายและเป็นคนเมืองมากกว่า) ได้แบก “อูบ” หรือ ภาชนะใส่ของมีค่าผ่านมาเส้นทางนี้ แต่แล้วเมื่อถึงยังโมซัมเบรียงแล้วกลับไม่สามารถขนย้ายไปไหนต่อได้ จึงต้องทำการ “ละ” หรือทิ้งเอาไว้กับผืนดิน ด้วยทรัพย์และของมีค่าเหล่านั้น ทำให้กลายเป็นที่มาของชื่อ “บ้านละอูบ” ในปัจจุบัน

หมู่บ้านบนพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลเกิน 1,100 เมตร แห่งนี้ ถูกห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติและความลาดชันของเส้นทางสัญจร มีภูเขาลูกใหญ่ยืนตระหง่านเขียวครึ้มปนอยู่ท่ามกลางท้องฟ้า ราวกับหลุดเข้าไปยังภาพวาดบ้านในฝันของเด็กวัยประถม นอกจากนั้นยังเริ่มมีการปลูกกาเเฟอาราบิกาคุณภาพดี จนได้รับการยอมรับเป็นระดับต้น ๆ ของประเทศ มีวัฒนธรรมประเพณีเฉพาะของชาวลเวือะที่โดดเด่น และยังคงสืบสาน ทั้งการตีมีดแบบโบราณ งานจักสานและแหล่งเครื่องเงินอันประณีต ที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้มาเยือนทุกคน สักครั้งในชีวิตคุณควรได้ลิ้มลองโต๊ะสะเบือก เมนูท้องถิ่นที่คล้ายยำเนื้อสัตว์รสจัดจ้านอย่างอ่อน ๆ

หมู่บ้านละอูบ ตำบลห้วยห้อม อำเภอแม่ลาน้อย แม่ฮ่องสอน

แต่สิ่งสำคัญของการมีชีวิตบนพื้นฐานปัจจัย 4 คือ บ้าน … พื้นที่สำหรับการกินอยู่ หลับนอน และการก่อตั้งครอบครัว บ้านดั้งเดิมของชาวลเวือะบนเขาโมซัมเบรียงจะมีลักษณะเฉพาะคือ ยกพื้นสูงไม่น้อยกว่าวา หลังคามุงหญ้าคาทิ้งปลายลงมาถึงชายโครงบ้าน มีระเบียงด้านหน้ายื่นยาวแผ่อาณาเขตออกไป ภายในมีชั้นวางของที่เรียกว่า “หนึ่งเคราะ” มีเตาไฟอยู่เหนือหัวนอน แบ่งคั่นกั้นห้องกึ่งกลางเรียกว่า “หนึ่งคระ” ด้านหลังของตัวบ้านมีห้องกันไว้เพื่อเก็บของและสัมภาระต่าง ๆ นี่เป็นลักษณะที่หากย้อนเวลากลับไป 20 – 30 ปี อาจเห็นได้ทั่วไป แต่ในวันนี้หาดูได้ยากแล้ว

ตะสไบ’ หรือ คุณตาคำจันทร์ พิทักษ์ไพรสนธ์ ในวัย 76 เจ้าของบ้านดั้งเดิมที่ยังคงดูแล และอนุรักษ์บ้านของตัวเองไว้ได้บอกเล่าถึงการใช้สอยพื้นที่บ้านลเวือะแบบดั้งเดิมว่า

“ภายใต้พื้นยกสูงเป็นพื้นที่ใช้เลี้ยงควายเลี้ยงไก่ ที่ต้องทำให้สูงเพื่อป้องกันความชื้น ระเบียงที่ยื่นอกมามีไว้ตากพริกและอาหารในฤดูร้อน ส่วนในฤดูฝนก็จะตากอาหารบริเวณหนึ่งคระหรือเตาไฟ ด้านบนหลังคาต้องสูงชัน เพื่อระบายน้ำฝนและช่วยห่มให้ตัวฝาทนทานต่อสภาพอากาศ ภายในบ้านเป็นทั้งที่นอนและห้องครัว ห้องครัวจะเล็กกว่า แต่เวลาหนาวให้ความอบอุ่นได้ดี”

ย้อนไปสมัยวัยรุ่นของคุณตาคำจันทร์ ในยุคที่ยังใช้วัวควายในการช่วยแรงทำเกษตร บ้านละอูบแห่งนี้ยังมีบ้านดั้งเดิมให้เห็นมากกว่า 60 หลังคาเรือน แต่ปัจจุบันถ้าไม่ใช่บ้านตัวเอง ก็ไม่เห็นมีอีกเเล้ว 

“ในละอูบ 200 กว่าหลังคา เหลือบ้านลเวือะแบบเก่าเพียงหลังเดียวนี้แล้ว ก็ยังจะคงเก็บไว้ให้คนรุ่นหลังได้ดู ได้รู้ ได้ศึกษาและร่วมสืบทอดภูมิปัญญาต่อไป”

บ้านลเวือะหลังสุดท้ายในเขาโมซัมเบรียงนี้กลายเป็นหลักฐานสำคัญ ที่สอดรับกับ “ซอ” (ลำนำ หรือ บทกลอน) ของลเวือะซึ่งแต่งขึ้นโดยมีใจความบางช่วงบางตอนว่า

‘สมัยก่อนลเวือะอยู่กินกับป่าเขา วันไหนไม่มีข้าวต้องหากินมันและโต๊ะซเราว (พืชชนิดหนึ่งซึ่งกินรากได้) ใครอยากมีบ้านก็เข้าป่าหาหญ้าคามาสานมุงลงมาให้ท่วม แต่ละบ้านไม่มีกาละมัง เราใช้กั๊ว **รองน้ำที่หยดติ๋งย้อยตัวลงมาจากปลายหญ้า …บ้านลเวือะอาศัยแล้วไม่ได้ยินเสียงฝน เพราะหยดน้ำกระทบคาหามีความกังวานไม่ เรารู้ตัวอีกทีก็มีน้ำไว้กินใช้กันเต็มกั๊ว’

(ถอดความจาก ‘ไลลวง เญือะลเวือะโซะ’  อ่านต้นฉบับทั้งหมดได้จากภาพประกอบ)

__________________________

*ในภาษาพูดนั้นมีการกระดกลิ้น คล้ายการออกเสียง “โมซัมเบรียง” มากว่า “โมซัมเบียง

** ภาชนะอุ้มน้ำทำจากไม้ที่ขุดเป็นโพรงคล้ายกาละมัง แต่โดยมากไม่ได้มีลักษณะใหญ่โตเหมือนตุ่ม เหมาะสำหรับรองรับน้ำในปริมาณไม่มาก หรือตวงน้ำจากแหล่งธรรมชาติอีกทีหนึ่ง

เรียบเรียงโดย: พาแฮ