17 เมษายน พ.ศ. 2557 คือวันที่บิลลี่หายตัวไปและไม่หวนกลับมา จนถึงวันนี้เป็นเวลา 11 ปีแล้วที่ชาวบ้านบางกลอยยังคงรอคอยความยุติธรรมให้กับบิลลี่-พอละจี รักจงเจริญ และได้จัดงาน 11 ปีแห่งการรอคอย กิจกรรมสานสัมพันธ์ เพื่อความยุติธรรมของบิลลี่ ระหว่างวันที่ 15-17 เมษายน 2568 ณ หมู่บ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
ภายใต้สายเลือดเก่าของชาวบางกลอยที่ล้มหายตายจากกันไป สายเลือดใหม่ได้ถือกำหนดขึ้น โดยอาศัยเรื่องราวและแรงบันดาลใจจากบิลลี่ เป็นแบบอย่างสำหรับคนรุ่นใหม่ชาวบางกลอย ที่ลุกขึ้นมาสานต่อความฝันของพวกเขา ที่ต้องการกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านบางกลอยบน

11 ปีหลังบิลลี่จากไป
“พี่บิลลี่คือแรงผลักดันให้ผมอยากเข้ามาทำอะไรเพื่อชุมชน อยากจะสานต่อในสิ่งที่เขาได้ทำไว้”
ณัฐพงษ์ ต้นน้ำเพชร หรือไข่ปู อายุ 19 ปี เขาเป็นหลานชายของกิ๊ป ต้นน้ำเพชร ผู้นำสตรีชาวบางกลอย และนักปกป้องสิทธิมนุษยชนชนเผ่าพื้นเมือง ที่เสียชีวิตเมื่อปี 2566 ไข่ปูกล่าวว่าเขาโชคดีที่ได้เกิดและมีชีวิตช่วงวัยเด็กที่บ้านบางกลอยบน ได้เห็นวิถีชีวิตการทำไร่หมุนเวียนของพ่อแม่ รวมทั้งยังทันได้เห็นการทำงานขับเคลื่อนของบิลลี่ ก่อนที่เขาจะหายตัวไปเมื่อไข่ปูอยู่ประมาณ 9-10 ปี
“พอมองย้อนกลับไป การที่พี่บิลลี่เรียกร้องคนเดียว เขาทำเพื่อชาวบ้านและเขาถูกบังคับให้สูญหาย”
อย่างไรก็ดีไข่ปูในวันนั้นยังไม่ได้มีปณิธานที่จะออกมาขับเคลื่อนเหมือนที่บิลลี่เคยทำ จนกระทั่งเมื่อพ่อของไข่ปูเสียชีวิตโดยอาการเจ็บป่วย และแม่ของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาอยากออกมาทำอะไรเพื่อหมู่บ้าน
“เมื่อก่อนผมไม่เคยเข้าใจว่าพี่บิลลี่ทำสิ่งต่างๆ ไปเพื่ออะไร มาเข้าใจตอนที่ชาวบ้านถูกจับปี 2564”

ไข่ปูในวันนั้นเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 3 โดยในเหตุการณ์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 เกิดยุทธการพิทักษ์ป่าต้นน้ำเพชรโดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดปฏิบัติการผลักดันชาวบ้านบางกลอยออกจากถิ่นฐานดั้งเดิม และเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังกันอีกครั้งเพื่อเข้าควบคุมตัวชาวบ้านบางกลอยลงมาจากบ้านบางกลอยบน กว่า 80 ราย มีการออกหมายจับจำนวน 30 ราย มีการตั้งข้อกล่าวหาความผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484
“วันที่ญาติพี่น้องเราโดนจับ ผมรู้สึกว่าพวกเขาทำเกินไป”
ไข่ปูย้อนความทรงจำตัวเองกลับไปยังปี 2564 ที่เกิดโควิด เขาเล่าว่าในตอนนั้นชาวบ้านไม่สามารถทำไร่ ปลูกข้าว และหางานทำภายนอกก็ไม่ได้ จนทำให้หลายคนไม่มีข้าวกิน ชาวบ้านจึงตัดสินใจเดินเท้ากลับไปที่บ้านบางกลอยบน อันเป็นถิ่นฐานดั้งเดิมของพวกเขา ก่อนการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในปี 2524
“ถ้าไม่มีไร่หมุนเวียน ประเพณีวัฒนธรรมกะเหรี่ยงจะคงอยู่ได้อย่างไร”
อาจจะกล่าวได้ว่าไข่ปูคือคนบางกลอยที่เกิดมาพร้อมกับการเผชิญกับความขัดแย้งในพื้นที่
พ.ศ. 2542 – 2552 ชาวบ้านบางกลอยที่ถูกอพยพลงมาทนความยากลำบากไม่ไหว จึงกลับขึ้นไปที่บ้านบางกลอยบน โดยเป็นที่รับรู้ของทั้งอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน หน่วยงานด้านปกครอง และหน่วยงานด้านความมั่นคงโดยตลอด
พ.ศ. 2553 อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ภายใต้การนำของชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร เริ่มปฏิบัติการผลักดันกะเหรี่ยงบ้านบางกลอยบนลงมาอยู่ข้างล่างอีกครั้ง
พ.ศ. 2557 บิลลี่หายตัวไปหลังจากถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จับกุมในข้อหาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ
พ.ศ. 2564 เกิดยุทธการพิทักษ์ป่าต้นน้ำเพชร ควบคุมตัวชาวบ้านบางกลอยลงมาจากบ้านบางกลอยบน
พ.ศ. 2566: ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาคดีโดยศาลตัดสินสั่งจำคุก ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นเวลา 3 ปี ไม่รอลงอาญา โดยชัยวัฒน์ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร
จนกระทั่งมาถึงวันที่ 11 มีนาคม 2568 ยังคงยืนยันความต้องการที่จะขอกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่ชุมชนดั้งเดิมบริเวณใจแผ่นดิน หรือบางกลอยบน
“ถ้าเกิดผมไม่ออกมา ไม่ทำอะไรเพื่อคนรุ่นหลังได้เห็น อนาคตหมู่บ้านเราอาจจะไม่เหลืออะไรเลยก็ได้” ไข่ปูกล่าว

ความหวังของคนรุ่นใหม่บางกลอย ในวันไม่เหลือความหวังที่บ้านบางกลอยล่าง
“คนรุ่นใหม่เลือกออกไปใช้ชีวิตในเมือง เพราะว่ามันไม่มีอะไรให้ทำ ทำไร่ก็ไม่ได้มีที่ดินจำกัด ไม่มีรายได้ ไม่มีทางเลือกต้องออกมาใช้แรงงานที่อื่น”
ปัจจุบันไข่ปูลงมาพักอาศัยอยู่ใน อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี โดยกำลังศึกษาการศึกษานอกระบบชั้นมัธยมปลายในทุกวันอังคาร ในวันอื่นๆ เขาจะทำงานรับจ้างรายวัน เช่น ตัดหญ้าในไร่ได้รับค่าแรงวันละ 300 บาท เขาเล่าว่าอยากเก็บเงินเรียนต่อปริญญาตรีในคณะนิติศาสตร์ เพราะอยากนำความรู้มาช่วยเหลือชาวบ้าน
“ผมอยากเป็นทนายความ เพราะทุกวันนี้หมู่บ้านเราเผชิญกับความไม่ยุติธรรมทางกฎหมาย”
เขายังได้กล่าวย้ำอีกครั้งว่า งานที่คนรุ่นก่อนทำไว้ไม่ว่าจะเป็นของบิลลี่ หรือกิ๊ป ต้นน้ำเพชร ทำให้เขาได้เห็นลู่ทางในการต่อสู้ และถ้าทั้งสองไม่ทำไว้วันนี้ชาวบ้านบางกลอยก็อาจจะไม่มีที่อยู่อาศัย
“ผมภูมิใจนะที่ได้เกิดมาเป็นคนบางกลอย” ไข่ปูเล่า “ผมได้เกิดเป็นคนกะเหรี่ยง บรรพบุรุษเราเคยได้ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายแต่มีความสุข”

ไข่ปูในวันนี้เชื่อว่า ความฝันที่จะได้มีชีวิตเรียบง่ายแบบนั้นอีกครั้งจะเป็นจริง ก็ต่อเมื่อชาวบางกลอยได้รับสิทธิในการใช้ชีวิตแบบที่ควรจะเป็นเสียก่อน และเขาเชื่อว่าวิถีชีวิตที่เป็นอยู่ที่บ้านบางกลอยล่าง ณ ขณะนี้ ไม่สามารถตอบโจทย์เขาได้
“กำลังใจที่สำคัญที่สุด คือการเห็นการเสียสละของพี่บิลลี่ เขาเป็นต้นแบบของผม ถ้าพี่บิลลี่ยังอยู่ ผมอยากจะบอกเขาว่า เราจะไม่ปล่อยให้เขาโดดเดี่ยวอยู่คนเดียวเราจะสู้ไปด้วยกัน”
ไข่ปู่กล่าวในตอนท้าย ก่อนสรุปว่าสำหรับชาวบางกลอยนั้น บ้านบางกลอยคือบ้านเกิดของพวกเขา และมันมีความหมายสำหรับพวกเขามากในการได้เกิดมาที่บางกลอย
สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2566
เรื่องและภาพโดย: ณฐาภพ สังเกตุ