ไทดำรำพัน ถึงวัฒนธรรมและเรื่องราวของไทดำที่กำลังสูญหาย

ไตดำ ไทดำ ไทยทรงดำหรือลาวโซ่ง  คือคำเรียกของกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีต้นกำเนิดจากถิ่นฐานดั้งเดิมในเขตสิบสองจุไทเดิม หรือบริเวณลุ่มแม่น้ำดำและแม่น้ำแดง ในพื้นที่ตอนเหนือของประเทศเวียดนามและประเทศลาว  บ้างกล่าวว่ามีต้นกำเนิดมาจากภูเขาภูกูดในแถบลุ่มแม่น้ำแดง และมีการอพยพในช่วงเวลาต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการปราบปรามจากชนชาติที่เข้ามาครอบครองพื้นที่ การอพยพนี้ทำให้ชุมชนไตดำกระจายตัวไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เส้นทางการอพยพโยกย้ายถิ่นฐานของชนเผ่าไทดำ

ชาวไตดำมีอัตลักษณ์การแต่งกายเฉพาะตัว เสื้อผ้าของคนไตดำในประเทศไทยปัจจุบันผู้หญิงจะสวมผ้าซิ่นสีกรมท่าแกมดำ สีย้อมผ้าจากต้นครามและหนังไม้  ลายทางมีสีขาวหรือขาวฟ้าจาง ๆ สลับเป็นกำหนด เสื้อคอกลมแขนยาวและผ้าโพกหัว  ส่วนผู้ชายจะสวมเสื้อคอกลมแขนยาว กางเกงขายาวและผ้าคาดเอว  โดยโครงสร้างของเสื้อมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ชุดของไตดำจะไม่มีการเว้าตรงวงแขน  ไม่มีการต่อไหล่แบบผ้าตัดเย็บตามความยาว  ลักษณะของเสื้อไหล่ตกต่อแขนด้วยผ้าเชื่อมตรงรักแร้ ตะเข็บและรอยต่อจะตัดเย็บเล็กมากคล้ายลักษณะม้วนแล้วสอยถี่  ดังนั้นด้านหน้าสาบเสื้อสำหรับเจาะรังดุม  กับอีกด้านเมื่อติดกระดุมแล้วปลายชายจะไม่เกยกัน การติดกระดุมใช้ด้ายถักขวั้นให้เป็นเกลียวขนาดก้านไม้ขีดไฟ  ร้อยกระดุมทุกเม็ดและเย็บติดชายสาบด้านที่ม้วนริมเล็ก ๆ ไว้เป็นระยะโดยเย็บร้อยเชือกนั้นติดชายสาบไปด้วย

อัตลักษณ์การแต่งกาย ชาย-หญิง ของชนเผ่าไทดำ ภาพ: IMN เครือข่ายสื่อชนเผ่าพื้นเมือง

การแต่งกายของแต่ละชุมชนไตดำนั้นจะแตกต่างกันออกไป  อย่างเช่นคนไตดำบ้านนาป่าหนาด อ.เชียงคาน จ. เลย ที่อพยพมาข้ามฝั่งแม่น้ำโขง  จะมีกระดุมเป็นรูปผีเสื้อคล้ายกระดุมของไตดำที่อาศัยอยู่เดียนเบียนฟู ประเทศเวียดนาม ส่วนไตดำที่อาศัยอยู่ทั่วไปในประเทศไทยกระดุมจะเป็นรูปดอกผักบุ้ง วัสดุดั้งเดิมที่ใช้ทำกระดุมแต่โบราณจะทำด้วยเงินแท้ ปัจจุบันมีการใช้วัสดุร่วมสมัยเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตในปัจจุบันมากขึ้น

อัตลักษณ์การแต่งกาย ชาย-หญิง ของชนเผ่าไทดำ ภาพ: IMN เครือข่ายสื่อชนเผ่าพื้นเมือง

ในส่วนของที่อยู่อาศัย  บ้านเรือนที่อยู่อาศัยดั้งเดิมนั้นสร้างด้วยไผ่และไม้รวก  พื้นลำไม้รวกมัดติดกันแน่นด้วยหวาย ปูพื้นด้วยไม้ไผ่ผ่าตีแผ่ออกที่เรียกว่าฝาก  หลังคามุงด้วยหญ้าคารูปทรงกระดองเต่าคลุมตัวบ้าน จั่วมีรูปทรงเป็นเขาควาย ภายในตัวบ้านไม่มีการแบ่งเป็นห้อง ๆ มีเพียงการกำหนดพื้นที่นอน เตาไฟเป็นพื้นที่ห้องครัว และมีนั่งร้านเหนือหัวไว้สำหรับเก็บวางอาหารและเมล็ดพันธุ์ เพื่อกันแมลงและใช้ประโยชน์จากไอควันจากการทำอาหาร  สุดท้ายคือพื้นที่ที่เป็นสัดส่วนของบรรพบุรุษ (กะล้อห่อง) 

บ้านจำลองของชนเผ่าไทดำ

ชาวไตดำส่วนใหญ่นับถือพุทธศาสนาผสมกับความเชื่อดั้งเดิมเกี่ยวกับผีบรรพบุรุษ  โดยมีความเชื่อว่าผีบรรพบุรุษจะคอยปกป้องคุ้มครองลูกหลาน และการทำบุญให้ผีบรรพบุรุษจะทำให้ชีวิตมีความสุขและเจริญรุ่งเรือง นอกจากนี้ชาวไตดำยังนับถือเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระแม่ธรณี, แม่โพสพ และแถน

แถนในความเชื่อของไตดำคือเทพเจ้าในธรรมชาติ (ไม่มีตัวตน) เป็นผู้เนรมิตและประทานความเจริญรุ่งเรืองและคุ้มครองจากภัยพิบัติต่าง ๆ  ตั้งแต่เกิด

เมื่อคนไตดำเสียชีวิต จะมีประเพณีกล่าวทำทางแก่ผู้เสียชีวิตหลังการฌาปนกิจศพ (เผา) โดยนำกระดูกมาประกอบพิธีกรรม บอกกล่าวให้ผู้เสียชีวิตเดินทางจากถิ่นที่อยู่อาศัยปัจจุบัน ไปสู่ถิ่นฐานเดิมของชาวไตทำที่เมืองเดียนเบียนฟู ประเทศเวียดนาม โดยตัวบทคำกล่าวของเจ้าพิธีกรรม จะเป็นการนำทางให้ผู้ตายเดินทางจากที่ตัวเองอยู่อาศัย ลัดเลาะขึ้นไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ล่องตามแม่น้ำโขงผ่านประเทศลาว โดยกล่าวชื่อเมืองต่างๆ ขึ้นไปตามลำดับ 

จุดประสงค์ของพิธีกรรมนี้เพื่อเป็นการแสดงความสำนึกในรากเหง้าตนเอง จากคำบอกเล่าของปราชญ์ชาวบ้าน  องค์หมอโดยท้าวกำล่วนและท้าวกำลักษ์ (ผู้รู้ขนบธรรมเนียมและประกอบพิธีกรรม) ประมาณปี พ.ศ. 2512  ไตดำอพยพจากแหล่งถิ่นฐานเดิมประเทศเวียดนาม  มาอาศัยอยู่ในประเทศลาวเป็นเวลา 15 ปี  ได้ถ่ายทอดความรู้สึกที่พลัดพรากจากบ้านเรือนมาไกล จึงถ่ายทอดออกมาเป็นบทเพลงไทยดำรำพัน ที่เล่าเรื่องถึง 15 ปี ที่จากเวียดนามมา

บทเพลงไทยดำรำพัน

**สิบห้าปีที่ไตเฮา ห่างแดนดิน  จงเอ็นดูหมู่ข้าน้อยพที่พลอยพรากบ้าน

เฮากนไต ย้ายกันไปทุกถิ่นทุกฐาน  จงอักกันเด้อ ไตดำเฮาหนา

**สิบห้าปีที่ไตเฮาเสียแดนเมือง  เคยฮุงเฮืองหมู่ข้าน้อยอยู่สุขสบาย

ลุงแก่งตาได้สร้างสาบ้านเมืองไว้ให้  บัดนี้จากไกล ไตเสียดายเด

**สิบห้าปีที่ไตเฮา เสียดายเด เมืองเฮาเพแสนเสียดาย สูเจ้าเปื่นหล้า

เมืองเคยอยู่ อู่เคยนอน ต้องจรจำลา ปะไฮ่ปะนา น้ำตาไตไหล

(สร้อย) หงำมาน้ำตาไตไหล ยามเมือจากไกลสูเจ้าเปิ่นลา อพยพหลบหนีไฟรีมา ไตดำถ้วนหน้าหงำหาจุ๊มือจุ๊กื้น

สืบสานและฟื้นฟูวัฒนธรรมไทดำ

ชาวไตดำมีภาษาถิ่นเป็นของตนเองทั้งภาษาพูดและภาษาเขียน  ภาษาไตดำเป็นภาษาตระกูลไต ใกล้เคียงกับภาษาลาวและภาษาไทย แต่มีสำเนียงและคำศัพท์ที่แตกต่างกันออกไป 

อักษรไทดำ (โต-สือ-ไต)

อย่างไรก็ดีในปัจจุบันมีความกังวลว่าภาษาไตดำจะสูญหายไป จึงมีการเริ่มจัดเก็บข้อมูลทางภาษา โดยแต่ละท้องถิ่นจะมีการจัดการเรียนการสอนในพื้นที่ ร่วมกับสถานศึกษาและปราชญ์ชุมชน อย่างเช่นที่โรงเรียนวัดหนองปรง ต.หนองปรง อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี  โรงเรียนบ้านทุ่งจูด  อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี   และโรงเรียนบ้านไทรงาม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี

มีการจัดหลักสูตรภาษาไตดำให้อยู่ในชั่วโมงเรียน 1 คาบเรียนต่อสัปดาห์ และส่งเสริมให้นักเรียนแต่งกายชุดไตดำสัปดาห์ละ 1 วัน  ปัจจุบันกล่าวได้ว่าชาวไตดำยังคงใช้ภาษาไตดำเป็นภาษาถิ่นของตนเองควบคู่ไปกับภาษาโลกปัจจุบัน 

นอกเหนือจากเรื่องภาษา ชุมชนไตดำมีความพยายามสืบทอดดนตรีและการฟ้อนรำซึ่งเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรม ผ่านเพลงพื้นบ้านที่สืบทอดกันมาที่มักเล่าเรื่องราวของชีวิตและความเชื่อของชุมชน 

เยาวชนชนเผ่าไทดำกำลังใช้เครื่องดนตรีประยุกต์กับแคน เพื่อทำการแสดง ภาพ: IMN เครือข่ายสื่อชนเผ่าพื้นเมือง

ชาวไตดำมีเครื่องดนตรีหลักของตนเองคือแคน และมีการร่ายรำที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง การรำของไตดำมือข้างหนึ่งจีบ อีกข้างปล่อยแบเชิดมือขึ้นสลับกันซ้าย-ขวา  มือที่เชิดคล้ายผลักออก พร้อมกับเยื้องย่างย่อยักย้ายสะโพก  เคล็ดลับมือที่เชิดขึ้นลักษณะผลักคล้ายเป็นสูตรสำเร็จของบรรพชนเป็นการรำแบบปัดป้องตนเองต่อคู่รำ 

ท่าการฟ้อนรำของชนเผ่าไทดำ ภาพ: IMN เครือข่ายสื่อชนเผ่าพื้นเมือง

นอกจากนี้การฟ้อนรำยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์และความสามัคคีระหว่างชุมชน มีการจัดงาน “ฟื้นฟูประเพณีไทยดำ” ที่จัดขึ้นในแต่ละพื้นที่ช่วงเดือน 5 ตามปฏิทินจันทรคติไทย ซึ่งเป็นหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จ วัตถุประสงค์เพื่อการพบปะสังสรรค์ แลกเปลี่ยนแนวคิด และฟื้นฟูประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิม โดยมีการทำงานร่วมกับภาคเอกชนและภาครัฐให้มีส่วนร่วมกันจัดเวทีการแสดง การรำ การประกวดสาวงามไตดำ และร่วมร้องเพลง ” ไทดำรำพัน” เพื่อระลึกถึงบรรพชน

ผู้เขียนในฐานะชาวไตดำคนหนึ่งมองว่า ความกตัญญูคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคนไตดำ เรานับถือเครือญาติเป็นที่ตั้ง ยังคงยึดหลักผู้น้อยเคารพผู้ใหญ่ และให้ความเคารพแก่บรรพชนผู้ล่วงลับไป ในแต่ละบ้านไตดำจะมีสมุดเล่มหนึ่งเรียกว่า “ปั๊ป” จะมีรายชื่อของคนตั้งแต่ต้นตระกูล จนมาถึงคนสุดท้ายที่เสียชีวิตลงไป ไว้ใช้สำหรับเจ้าพิธีกรรมเอ่ยกล่าวนามเรียกให้มากินของเซ่นไหว้ ทั้งหมดของวัฒนธรรมไตดำที่กล่าวมานั้น ก็เพื่อเป็นการแสดงออกว่าพวกเราไม่ลืมรากเหง้าและยังคงระลึกถึงอัตลักษณ์ที่มาของตนเอง

ขวัญเมือง เรียนผง: เขียน / ณฐาภพ  สังเกตุ: เรียบเรียง

หมายเหตุ : บทความชิ้นนี้เกิดขึ้นภายใต้การสนับสนุนจากศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)