เขาว่าลุงเป็นคนบ้า และทำสวนขี้จุ๊

ลุงหยั่ว  หรือ นายหยั่ว ถนอมรุ่งเรือง  พ่อเฒ่าชนเผ่าม้งวัยเกือบ 62 ปี แห่งบ้านแม่สาใหม่ ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  ใช้เวลากว่า 30 ปี ในการค้นหาบทเรียนและพิสูจน์ให้หน่วยงานรัฐและคนภายนอกได้รู้ว่าเราสามารถอยู่กับป่าได้  และด้วยเงื่อนไขข้อจำกัดในการใช้ที่ดิน  จึงทำให้พยายามใช้ภูมิปัญญาในการจัดการที่ดินของตนเองที่ปฏิบัติการในพื้นที่เกือบ 8 ไร่ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เด็กๆวาดภาพพันธุ์ชนิดต่างๆที่มีในสวน

เด็กๆวาดภาพพันธุ์ชนิดต่างๆที่มีในสวน

“หน่วยงานรัฐได้เข้ามาส่งเสริมให้คนในชุมชนปลูกพืชเชิงเดี่ยว  ซึ่งสามารทำให้มีรายได้ปีละหลายแสนบาท  แต่ลุงเชื่อว่ารูปแบบการผลิตเช่นนี้ จะเป็นการใช้ที่ดินอย่างไม่ทะนุถนอมและไม่มีความยั่งยืน  จึงได้ปล่อยให้ต้นไม้โตขึ้นโดยไม่ได้เข้าไปถางหญ้าหรือทำอะไรเลย  ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ  นำเอาเมล็ดพันธุ์ไม้ป่าไปหยอดบ้าง บางทีก็ต่อกิ่ง ทั้งไม้ป่า ไม้ผล ไม้ใช้สอย และไม้ไผ่ โดยไม่แผ้วถาง ไม่ต้องไถพรวนดิน จนชาวบ้านต่างพากันนินทาว่าลุงเป็นคนบ้า  ทำสวนไม่จริง  หรือสวนขี้จุ๊  เพราะปกติแล้วการทำสวนจะต้องไถเปิดดิน พรวนดิน ใส่ปุ๋ย และใส่ยา”

แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน  สวนของลุงหยั่วก็เต็มไปด้วยต้นไม้และพืชพรรณชนิดต่างๆ รวมถึงนกและไก่ป่าด้วย “ลุงยังไม่เคยนับเลยว่ามีพืชกี่ชนิดในสวน  แต่มีนักวิชาการท่านหนึ่งได้เข้าไปและพยายามนับก็ได้เกือบ 140 ชนิด  เป็นพืชที่ทั้งกินได้และกินไม่ได้  เพราะลุงไม่ได้ปลูกไว้ให้สำหรับคนกินเท่านั้น  แต่ยังเผื่อแผ่ไว้สำหรับสัตว์ที่เข้ามาอยู่ข้างในสวนด้วย”

สวนของลุงหยั่วสามารถแบ่งพืชพันธุ์ที่ปลูกได้เป็น 5 ชั้น ได้แก่ ชั้นที่ 1 ประเภทเผือกและมัน  ชั้นที่ 2 ประเภทพริก มะเขือเทศ ฟักทอง ฟักเขียว เห็ด ตะไคร้  ผักชี  ถั่ว ผักประเภทต่างๆ  และพืชสมุนไพร  ชั้นที่ 3 ประเภทกาแฟ  และชา ชั้นที่ 4 ประเภทไม้ยืนต้น  เช่น  อาโวคาโด้   มะม่วง  พลับ  ท้อ  มะขาม  และชั้นที่ 5 ประเภทต้นไม้ใหญ่  ไผ่  และหวาย

“ทุกวันนี้ลุงไม่ต้องไปปลูกข้าวโพดแข่งกับคนอื่น  เพราะลุงสามารถมีรายได้จากการขายผลผลิตเล็กๆน้อยจากสวน  ก็สามารถเก็บขายได้ปีหลายหมื่นบาท ซึ่งลุงก็มีรายได้ตลอดปีด้วย  รวมถึงสามารถเก็บผลผลิตไปกินในครอบครัวโดยไม่ต้องซื้อ  ส่วนที่เหลือก็ยังสามารถขายได้อีก”

“ลุงไม่ต้องใช้เงินลงทุนอะไร  ปล่อยให้ธรรมชาติดูแลกันเอง  ไม่เคยซื้อปุ๋ย  ไม่เคยต้องรดน้ำ  เพราะต้นไม้ใหญ่สามารถเป็นร่มเงา  ใบไม้ที่หล่นลงมาก็สามารถเป็นปุ๋ยได้  นอกจากนั้นลุงก็ยังพาเด็กๆนักเรียนมารู้จักพันธุ์พืช  พันธุ์สัตว์ในสวน  บางวันก็พามาฟังเสียงแมลงร้องและสอนว่าถ้าแมลงชนิดนี้ร้องแสดงว่าจะเกิดอะไรขึ้น  เด็กๆก็สนุกกับการมาเรียนในสวนมากกว่าในห้องเรียน”

“เมื่อก่อนเขาว่าลุงทำสวนขี้จุ๊  แต่เดี๋ยวนี้ก็มีคนเริ่มมาทำสวนเลียนแบบลุงบ้างแล้ว  ลุงก็อยากให้พี่ๆน้องๆจากที่อื่นๆมาเที่ยวสวนของลุง  เพื่อจะได้นำไปทำและพิสูจน์ให้คนอื่นได้เห็นว่า  พวกเราชนเผ่าพื้นเมืองสามารถอยู่กับป่าได้อย่างยั่งยืนจริงๆ”