เมื่อผู้หญิงม้งแต่งงานออกไป เธอจะถูกตัดขาดจากครอบครัวเดิมตามความเชื่อโบราณ แต่วันนี้หลายตระกูลกลับเลือกทำพิธี ‘รับลูกสาวกลับบ้าน’ พิธีกรรมที่ไม่เพียงเรียกวิญญาณกลับสู่เรือนบรรพบุรุษ หากยังท้าทายกำแพงความเชื่อพันปี และสะท้อนการเปลี่ยนแปลงบทบาทผู้หญิงในสังคมม้ง
“เรากำลังทลายกำแพงความเชื่อดั้งเดิมที่สืบทอดกันมานับพันปี เมื่อลูกสาวม้งแต่งงานออกไปแล้ว หากหย่าร้างจะไม่สามารถกลับมาเป็นสมาชิกในครอบครัวเดิมได้อีก”
ภาพของพี่น้องม้งตระกูลแซ่ย่าง (Yaaj Txawb) หนึ่งในตระกูลม้งที่มีจำนวนคนมากที่สุดในประเทศไทย ร่วมตั้งโต๊ะอาหารและประกอบพิธีกรรมรับลูกสาวกลับบ้าน กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการคืนศักดิ์ศรีและพื้นที่ทางสังคมให้กับผู้หญิงม้งที่หย่าร้าง อีกทั้งยังเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศในชุมชน

ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วนั้น ชาวม้งมีโครงสร้างครอบครัวแบบปิตาธิปไตย: ที่เชื่อกันว่าลูกสาวเมื่อแต่งงานออกไปแล้วจะไม่ใช่ “คนในบ้านพ่อแม่” ของตนเองอีกต่อไป นำมาซึ่งปัญหาที่หากผู้หญิงม้งเลิกกับสามีหรือสามีเสียชีวิต จะไม่ได้รับการยอมรับกลับเข้าตระกูลเดิม
โดยความเชื่อดั้งเดิมนี้ ถูกใช้เพื่อมีวัตถุประสงค์ลดการหย่าร้างในอดีต แต่เมื่อวิถีชีวิตเปลี่ยนไปจำนวนการหย่าร้างกลับเพิ่มขึ้น ผู้หญิงม้งที่ผ่านการหย่ามักถูกตีตราเป็น “คนไร้เจ้าของ” และต้องดิ้นรนหาทางเอาตัวรอด บางคนต้องแต่งงานใหม่เพื่อความมั่นคง บางคนต้องย้ายออกไปทำงานในเมือง

แกนนำตระกูลย่างเล่าว่า จึงเกิดการหารือระหว่างผู้นำชุมชน ผู้รู้ และตัวแทนตระกูล นำไปสู่ข้อสรุปร่วมกันว่า “พิธีกรรมรับลูกสาวกลับบ้าน” คือทางออกของปัญหาความเชื่อเก่าแก่ที่กีดกันผู้หญิงม้งจากครอบครัวและสังคมเดิมเมื่อพวกเธอหย่าร้าง
ที่บ้านแม่ตะละใหม่ อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ สมาชิกตระกูลย่างได้จัดพิธีกรรมอย่างเป็นทางการเพื่อรับลูกสาวกลับสู่ครอบครัวเดิม พิธีนี้มีความหมายทั้งทางจิตวิญญาณและสังคม เพื่อยืนยันว่าผู้หญิงที่หย่าร้างยังคงได้รับการปกป้องและดูแลจากครอบครัว
พิธีกรรมแห่งการยอมรับ ‘ลูกสาวกลับบ้าน’
พิธีกรรม “รับลูกสาวกลับบ้าน” เริ่มต้นด้วยการเชิญผู้อาวุโสร่วมโต๊ะอาหาร ประกอบด้วยอาหารสองจานและเหล้าอีกสี่แก้ว ผู้อาวุโสกล่าวอวยพรว่า
“ไม่ว่าจะเป็นลูกชายหรือลูกสาว ก็เป็นเลือดเนื้อของตระกูล การรับลูกสาวกลับบ้านไม่ใช่เรื่องผิดผี แต่เป็นการแสดงออกถึงความรัก ความเข้าใจ และเป็นการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ”
จากนั้นมีการประกาศต่อฟ้าและดิน สมาชิกตระกูลทุกคนร่วมดื่มเหล้าเป็นสักขีพยาน เพื่อยืนยันมติรับรองการเปลี่ยนแปลงความเชื่อครั้งสำคัญนี้

โดยผลลัพธ์จากการพิธีกรรมรับลูกสาวกลับบ้านนั้น ทำให้ลูกสาวสามารถกลับมาอยู่บ้านพ่อแม่ได้, อีกทั้งมีสิทธิ์ได้รับการดูแลตามธรรมเนียมตระกูล เช่น เรื่องมรดก การร่วมพิธีบรรพบุรุษ
อภินันท์ ยังชีพสุจริต ลูกหลานตระกูลย่าง เห็นว่าพิธีกรรมดังกล่าวเป็นสัญญาณที่ดีต่อสังคมม้งยุคใหม่
“ความเชื่อที่ว่าลูกสาวหย่าร้างจะนำความโชคร้ายมาสู่ครอบครัวนั้น ควรเปลี่ยนได้แล้ว” เขากล่าว
พร้อมย้ำว่าไม่ว่าลูกชายหรือลูกสาวควรมีสิทธิเท่าเทียมกัน ลูกสาวที่แต่งงานแล้วหย่าร้างควรมีสิทธิกลับมาอยู่ในบ้านพ่อแม่ และความเชื่อที่ว่าการกลับมาแล้วจะทำให้ผีบ้านผีเรือน และผีบรรพบุรุษเสียหายทำมาหากินไม่ได้ ความเชื่อนี้ควรเปลี่ยนแปลงได้แล้ว เพราะในปัจจุบันการทำมาหากินต้องอาศัยปัจจัยต่าง ๆ เช่น ทุน, ความรู้, และประสบการณ์ ซึ่งไม่ใช่การพึ่งพาความเชื่อเพียงอย่างเดียว

ด้านกลุ่มแม่บ้านม้งอย่างจรุวัลย์ พนมไพร เห็นว่าพิธีกรรมนี้เปิดพื้นที่ให้ผู้หญิงที่เป็นแม่ม่ายหรือหย่าร้างได้กลับมาแสดงบทบาทและศักยภาพในการพัฒนาชุมชน เธอย้ำว่า
“ผู้หญิงที่เป็นม่ายไม่ใช่คนไร้ศักยภาพ แต่คือกำลังหลักในหลายกิจกรรมของชุมชน”
ท้ายที่สุดการรับลูกสาวกลับบ้านไม่ได้หมายถึงเพียงการกลับสู่ครอบครัว แต่คือการคืนศักดิ์ศรี การยอมรับ และการเปิดพื้นที่ให้ผู้หญิงม้งได้ยืนหยัดอย่างเท่าเทียมในสังคม
ตระกูลม้งย่างประกาศชัดว่า ผู้หญิงคือลูกสาวของพ่อแม่ที่มีสิทธิและศักดิ์ศรีเช่นเดียวกับลูกชาย การยอมรับนี้คือการทลายความเชื่อพันปีที่เคยกดทับผู้หญิง และเป็นการเปิดทางสู่อนาคตของความเสมอภาคทางเพศ
“เพื่ออนาคตที่ดี เราต้องกล้าเปลี่ยนแปลง” พวกเขากล่าวกับเครือข่ายสื่อชนเผ่าพื้นเมือง
อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายตระกูลม้งที่ยังไม่ยอมรับพิธีกรรมนี้ ทำให้เครือข่ายสตรีม้งแห่งประเทศไทยยังคงเดินหน้าผลักดัน เพื่อสร้างสังคมม้งที่ผู้หญิงและผู้ชาย สามารถยืนอยู่บนพื้นฐานความเสมอภาคทางเพศอย่างแท้จริง
เขียน: อิสระ พนาสันติกุล / เรียบเรียง: ณฐาภพ สังเกตุ


