หากนับตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการเสนอกฎหมายฉบับนี้แรก ๆ ก็เดินทางมาจวบจนครบ 10 ปีพอดี ซึ่งขณะนั้นมีการยกร่างในชื่อว่า “ร่างพระราชบัญญัติสภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งแห่งประเทศไทย พ.ศ. …” โดยหวังให้เป็นกลไกการแก้ไขปัญหาของชนเผ่าพื้นเมืองที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากรัฐ จากนั้นก็มีการปลุกปั้นกันมาเรื่อย ๆ เคยมีการเสนอเข้าสู่สภาแล้วครั้งหนึ่งใน พ.ศ. 2558 ผ่านทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าใด จนกระทั่งมีการตั้งต้นใหม่รวบรวมรายชื่อกว่าหมื่นสองพันราย ยื่นร่างกฎหมายฉบับนี้เข้าไปอีกครั้ง ในสมัยรัฐบาลพล.เอก. ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่มาชะงักไปเพราะมีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ โชคยังดีที่ในขณะนั้นถูกบรรจุไว้ในวาระการประชุมแล้ว จึงเป็นเรื่องที่สภาผู้แทนราษฎรต้องหยิบขึ้นมาพิจารณาต่อโดยที่ไม่ต้องรวบรวมรายชื่อเสนอกันใหม่
หลังจากล้มลุกคลานกันมาอย่างยาวนาน ท้ายที่สุดเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 สภาก็ได้หยิบยกร่างกฎหมายนี้ขึ้นมาพิจารณา พร้อมด้วยร่าง อื่นๆ อีก 4 ฉบับที่นำเสนอโดยภาคประชาชน (พีมูฟ) พรรคการเมืองโดยพรรคก้าวไกล (ในขณะนั้น) ร่างฯของพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยร่างฯ ที่นำเสนอโดยรัฐบาล ซึ่งครั้งนั้นสภาฯ มีมติรับในหลักการ นำไปสู่การแต่งตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาตามกลไกการเสนอกฎหมาย โดยใช้ร่างที่นำเสนอโดยรัฐบาลเป็นฉบับหลัก ที่ใช้ชื่อว่า “ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. ….”
สำหรับวาระการประชุมสภาในวันพรุ่งนี้ (8 มกราคม 2568) หากเสียงส่วนใหญ่มีมติตีตก ก็ต้องเริ่มต้นกระบวนการใหม่ทั้งหมด หรือต่อให้มีมติรับรอง แต่ก็ต้องลุ้นกันต่อว่าจะยังคงมีเนื้อหาที่สอดคล้องกับเจตนารมณ์เดิมตอนริเริ่มเสนอกฎหมายครั้งแรกหรือไม่
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2567 สภาผู้แทนราษฎรได้มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. …. วาระ 2 โดยมีมติให้ถอนร่างกลับไปพิจารณาในข้อกังวลทั้ง 3 อันดับได้แก่ 1.เสนอให้ตัดคำว่าชนเผ่าพื้นเมืองทิ้ง โดยให้เหตุผลว่าขัดกับบริบทของประเทศไทย และใช้คำว่ากลุ่มชาติพันธุ์เพียงคำเดียว เพราะคำที่สอดคล้องกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญและครอบคลุมแล้ว
ต่อมาในข้อที่ 2. คือเรื่องสถานะและกลไกของสภาชนเผ่าพื้นเมือง ที่มีประเด็นข้อกังวลในเรื่องการทำงานของกลไกนี้ ทั้งเรื่องขนาด โครงสร้างและงบประมาณ สุดท้ายข้อที่ 3. เรื่องบทลงโทษต่อผู้ที่ทำการละเมิดสิทธิและเสรีภาพต่อกลุ่มชนเผ่าพื้นเมืองที่ทางสภาผู้แทนราษฎรมองว่า กฎหมายฉบับนี้ควรเป็นไปในลักษณะส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่าที่จะเป็นกฎหมายที่มุ่งเน้นไปที่การลงโทษ
โดยก่อนการมาถึงของการพิจารณาร่างกฎหมายชาติพันธุ์ในวันที่ 8 ม.ค. 2568 นี้นั้น ทาง IMN ได้พูดคุยกับศักดิ์ดา แสนมี่ เลขาธิการสภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย และกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ถึงความพร้อมและความสำคัญของการพิจารณาในครั้งนี้
3 ข้อกังวลของสภาผู้แทนราษฎร
“ตอนนี้มีการปรับปรุงเนื้อหาเรียบร้อยและส่งเรื่องให้กับประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว”
ศักดิ์ดากล่าวถึงความพร้อมก่อนถึงวันที่ 8 ม.ค. นี้ เขากล่าวว่าเมื่อมองกระบวนการพิจารณาที่กำลังเกิดขึ้น ทุกฝ่ายมีความพยายามที่จะทำให้กฎหมายฉบับนี้ผ่านการรับรองและถูกนำมาใช้ได้โดยเร็วที่สุด แต่อย่างไรก็ดีก็ต้องแลกกับการสูญเสีย 3 ประเด็นสำคัญที่ถูกตัดทอนไป เพื่อให้ร่างกฎหมายฉบับนี้สามารถผ่านไปได้
“การตัดคำว่าชนเผ่าพื้นเมืองออกไป ทำให้อัตลักษณ์และวิถีชีวิตเฉพาะของชนเผ่าพื้นเมืองที่เรานิยามไว้ จะไม่ถูกทำให้เห็นถึงความสำคัญของผู้ที่ได้รับประโยชน์จากกฎหมายนี้โดยตรง”
ศักดิ์ดามองว่าคำว่ากลุ่มชาติพันธุ์เป็นคำที่มีความหมายกว้าง เพราะคนทุกคนมีความเป็นชาติพันธุ์ใดชาติพันธุ์หนึ่งอยู่แล้ว แต่นิยามสำหรับชนเผ่าพื้นเมืองนั้น คือลักษณะความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่พวกเขาอยู่ในสังคมใหญ่ในลักษณะที่มีอำนาจต่อรองไม่เทียมเท่ากับกลุ่มใหญ่ๆ ในสังคม
“ตอนนี้มันเหมือนกฎหมายที่ไม่มีเขี้ยวเล็บ”
ศักดิ์ดาอธิบายต่อถึงประเด็นการตัดบทลงโทษออก โดยได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่บ้านห้วยหินลาดในในปีที่ผ่านมา ที่มีคนบุกรุกเข้าไปทำลายพื้นที่ทางจิตวิญญาณของชาวบ้าน โดยที่ผู้กระทำผิดไม่ได้รับบทลงโทษแต่อย่างใด ทำให้การกระทำเช่นนี้สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายในอนาคต โดยที่คณะกรรมาธิการเสียงส่วนใหญ่ลงความคิดเห็นว่า มีกฎหมายเฉพาะที่จะลงโทษสำหรับผู้ละเมิดสิทธิอยู่แล้ว แต่ศักดิ์ดามองว่ากฎหมายที่มีอยู่ไม่ตรงกับการละเมิดสิทธิภายใต้ร่างกฎหมายคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ที่เสนอไป ไม่ว่าจะเป็นการถูกเลือกปฏิบัติ การตีตราเหมารวม อคติทางชาติพันธุ์ เป็นต้น
และสุดท้ายคือข้อกังวลเรื่องกลไกของสภาคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ทางสภาผู้แทนราษฎรไม่ต้องการให้คงไว้ซึ่งสถานะนิติบุคคล แต่ศักดิ์ดามองว่าการมีสถานะนิติบุคคล จะทำให้สภามีความอิสระในการดำเนินงาน การบริหารจัดการงบประมาณ หรือโครงการต่างๆ ที่เป็นความร่วมมือระหว่างประเทศ ก็สามารถดำเนินการได้โดยตรงผ่านกลไกของสภาฯ
“เจตนารมณ์ของสภาฯ มาจากการเสนอเข้าไปของกฎหมายร่างของประชาชน ที่จะทำให้สภามีความเป็นอิสระ และมีกลไกที่จะได้รับการหนุนเสริมสนับสนุนจากตัวกฎหมายนี้”
โดยศักดิ์ดาเชื่อมั่นว่าในวันที่ 8 ม.ค. นี้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะมีความเข้าใจตัวกฎหมายนี้มากขึ้น แม้กฎหมายนี้จะไม่สามารถผ่านการพิจารณาแบบที่ภาคประชาชนพึงพอใจเต็มร้อยก็ตามที
ร่วมจับตาและชี้ชะตาร่างกฎหมายชนเผ่าพื้นเมือง
“วันที่ 8 จะเป็นความท้าทายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่เป็นตัวแทนของประชาชนในการเข้าไปพิจารณากฎหมายฉบับนี้”
ศักดิ์ดามองว่าทิศทางที่แย่ที่สุดที่เป็นไปได้คือ กฎหมายฉบับนี้ไม่ผ่านการพิจารณา ซึ่งก็จะทำให้เห็นว่าร่างกฎหมายที่ประชาชนเสนอ รวมกับร่างของรัฐบาลและพรรคการเมืองนั้นไม่ผ่านด้วยเหตุผลอะไร ซึ่งจะเป็นบทเรียนสำคัญให้ภาคประชาชนที่ขับเคลื่อนกฎหมายฉบับนี้มาตั้งแต่ปี 2555 ต้องถอดบทเรียนและทำงานกับสังคมให้มากกว่าเดิม
“พรบ.นี้ต้องการที่จะส่งเสริมสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง ให้ได้รับการปกป้องคุ้มครองที่มีลักษณะเฉพาะตามวิถีชีวิตของพวกเขา”
ศักดิ์ดาย้ำถึงหัวใจสำคัญของร่างกฎหมายนี้ โดยคาดหวังว่ากฎหมายนี้จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือให้กับกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองทั่วประเทศ ในการได้รับการปกป้องและคุ้มครองวิถีชีวิตของพวกเขาอย่างยั่งยืน
“ครั้งนี้คือรอบสุดท้าย ถ้าไม่ผ่านเราต้องมาเริ่มกันใหม่ในการหาหนทางปกป้องคุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง”
โดยศักดิ์ดาได้เชิญชวนให้ประชาชนได้ร่วมกันจับตาการพิจารณาร่างกฎหมายชาติพันธุ์ ในวันที่ 8 ม.ค. 2568 ที่จะมีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา รวมทั้งช่วยกันส่งเสียงถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้เห็นความสำคัญของกฎหมายดังกล่าว
อย่างไรก็ดีศักดิ์ดาให้ความมั่นใจว่า การพิจารณาร่างกฎหมายครั้งนี้คณะกรรมาธิการมีการเตรียมตัวและปรับเนื้อหามาอย่างดี รวมทั้งถ้าหากการพิจารณาครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ก็จะเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเห็นของสมาชิกผู้แทนราษฎรทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ที่มีความเห็นร่วมต่อประเด็นกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองที่ชัดเจนมากขึ้น โดยที่ไม่ได้แบ่งแยกว่ากฎหมายฉบับนี้มาจากฝั่งรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน เพราะมันคือกฎหมายที่เป็นผลประโยชน์ของประชาชน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง